ใครที่เคยเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นหรือร้านค้าต่างๆ คงเคยเห็น “แมวกวักนำโชค” ที่ยกขึ้นมากวัก บางที่มืออาจจะขยับไปมาได้ ซึ่ง แมวนำโชคญี่ปุ่น นี้เป็นความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนาน เรื่องการกวักเงิน กวักโชคลาภเข้ามาสู่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง รูปปั้นแมวกวัก นี้เรียกกันว่า “มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)” หรือถ้าดูอนิเมะญี่ปุ่นหรือเล่นวิดีโอเกมญี่ปุ่นอาจเคยเจอ แมวกวัก เรียกตัวนี้เหมือนกัน แต่รู้หรือไม่ว่า แมวกวักหรือ Maneki Neko มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น? Maneki Neko คืออะไร? ความหมายของ แมวนำโชค ตัวนี้คืออะไร? และมีที่มาอย่างไร? วันนี้เราจะมาเป็น สายมู ล้วงความลับของเจ้า รูปปั้นแมวญี่ปุ่น นี้ไปด้วยกันครับ
ตามรอยประวัติความเป็นมาของ “มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)”
ย้อนกลับไปในสมัย เอโดะ ตามตำนานความเชื่อและเรื่องราวในอดีต ซึ่งมีหลากหลายเรื่องราวต้นกำเนิดของ แมวนำโชคญี่ปุ่น 1 ในตำนานที่โด่งดังที่สุด คือเรื่องมีชายคนหนึ่งที่อยู่ในสวนของวัดแห่งหนึ่ง เขาเห็นแมวที่อยู่ในวัดมีท่าทางเหมือนจะกวักมือเรียกเขา เขาจึงตัดสินใจตามแมวตัวนั้นไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเองก็เกิดเหตุฟ้าผ่าลงตรงจุดที่ชายคนนั้นเพิ่งยืนอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน และด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตของแมวตัวนี้อย่างมาก เขาจึงบริจาคเงินจำนวนมากให้กับวัด และวัดนี้ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และอีก 1 ตำนานที่โด่งดังไม่แพ้กัน คือเรื่องว่ามีหญิงชราคนหนึ่งฐานะยากจนมาก ได้เลี้ยงดูแมวอยู่ตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ต่อจึงต้องปล่อยแมวไป ทั้งๆ ที่หญิงชราคนนี้รักแมวตัวนี้มากก็ตาม หญิงชรานอนร้องไห้ทั้งคืน และในคืนนั้นเอง ก็ฝันว่ามีแมวมาบอกว่าให้ปั้นรูปปั้นแมวลักษณะกวักมือขึ้นมา 1 ตัว แล้วจะโชคดี วันรุ่งขึ้นหญิงชราก็ได้ปั้น รูปปั้นแมว ตามในฝัน หลังจากนั้นก็มีคนมาขอซื้อ ตุ๊กตาแมว ตัวนั้นไป ต่อมาหญิงชราก็ปั้นตัวใหม่ขึ้นมาและก็มีคนมาขอซื้อไปอีก หญิงชราจึงปั้นต่อไปเรื่อยๆ และเริ่มมีเงินจากการขายตุ๊กตาแมวจำนวนมาก สุดท้ายแล้วก็สามารถพาแมวสุดที่รักกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นตุ๊กตาแมวกวักจึงเป็นตัวแทนของความโชคดีและได้รับความนิยมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อกันว่า แมวกวัก จะช่วยนำพาโชคลาภและเงินทองมาให้ สำหรับร้านค้าหรือกิจการต่างๆ นิยมนำแมวกวักมาวางไว้ เพื่อช่วยเรียกลูกค้าให้เข้าร้านคล้ายกับนางกวักของไทย
ความหมายการกวัก
ที่สายมูต้องรู้ ของ มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)
หากสังเกตดีๆ รูปปั้นแมวกวักของญี่ปุ่น จะมีทั้งกวักแขนข้างซ้าย กวักแขนข้างขวา หรือกวักแขนทั้งสองข้าง ซึ่งจริงๆ แล้วการกวักแต่ละข้างมีความหมายที่ซ่อนไว้ด้วยนะครับ
แถมถ้ายิ่งแมวยกมือสูงเท่าไหร่ความเชื่อคือ จะยิ่งช่วยให้โชคลาภและเงินทองเข้ามาเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ความหมายสีต่างๆ
ที่สายมูต้องรู้ของ มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)
แมวกวักญี่ปุ่น ที่มี จริงๆ มีอยู่หลายสี ซึ่งแต่ละสีก็มีความหมายซ่อนอยู่เช่นกัน ซึ่งบ่งบอกถึงความโชคดีในแต่ละละด้านแตกต่างกันไป
ความหมายสิ่งของต่างๆ
ที่สายมู ต้องรู้ของ มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)
สิ่งของที่ถือหรือที่สวมใส่ต่างๆ ของ แมวนำโชคญี่ปุ่น จะคล้ายๆ กับรูปปั้นจิ้งจอกหน้าศาลเจ้า ซึ่งแต่ละชิ้นมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ หมดทุกชิ้น
3 ที่เที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
ที่สายมู มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko) ไม่ควรพลาด
เป็นวัดที่ได้รับการเล่าขานต่อกันมาว่าเป็นต้นกำเนิดของมาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko) ด้านในจะพบกับแผ่นไม้ขอพรที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก หรือที่เรียกว่าเอมะ (Ema) ซึ่งบนแผ่นไม้เป็นลายของมาเนกิเนะโกะสามารถของพรได้ นอกจากนี้รอบวิหารยังมี แมวกวักขนาดน้อยใหญ่ จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่เต็มทุกพื้นที่ในวัด โดย รูปปั้นแมวกวัก ทั้งหมดนี้มาจากผู้คนที่มาบนบานหรืออธิษฐานขอพรแล้วสมหวังตามที่ขอ นำมาถวายเป็นเครื่องสักการะ
เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับวัดอาซากุสะ (Asakusa Temple Tokyo) คนญี่ปุ่นเชื่อว่าที่นี่ถือเป็นต้นกำเนิดอีกแห่งของมาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko) หรือ แมวนำโชค ที่เป็นตำนาน (หญิงชรายากจนที่กล่าวมาตอนต้น) ซึ่งถูกกล่าวถึงมากที่สุด และบริเวณรอบๆ ศาลเจ้ายังมีรูปปั้นคู่รักแมวยกแขนขวา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้คนรักครองคู่กันตลอดไป และยังมีเอมะ (Ema) หรือแผ่นป้ายขอพรรูป แมวนำโชค เป็นจุดเด่นของที่นี่อีกด้วย
ตั้งอยู่ในเมืองเซโตะ (Seto) จังหวัดไอจิ (Aichi) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผา จึงได้มีการผลิตแมวกวักโดยใช้เทคนิคโดยเฉพาะ ทำให้สามารถผลิตแมวกวักได้ครั้งละจำนวนมาก ที่นี่จึงได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งแมวกวัก” ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีการออกแบบอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเนโอคลาสสิกในยุคไทโชของญี่ปุ่น และได้รวบรวมแมวกวักไว้มากที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ มีการจัดแสดง แมวกวักแบบเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ ไปจนถึงผลงานของศิลปินในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเวิร์คช็อประบายสีแมวกวักสามารถนำแมวกวักที่มีชิ้นเดียวในโลกนี้กลับบ้านไปได้ และอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือโซนคาเฟ่ มีการเสิร์ฟน้ำชารูปทรงแมวกวักแสนน่ารักอีกด้วย
สายมู คงรู้จัก “มาเนกิเนะโกะ (Maneki Neko)” มากขึ้นแล้ว และทาง ร้านอาหารญี่ปุ่น Kabocha Sushi คาโบฉะ ซูชิ หวังว่าคงถูกใจ สายมู ไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายนี้ใครที่ยังไม่ได้ไปญี่ปุ่นแต่คิดถึงญี่ปุ่น สามารถมาอิ่มอร่อยให้ได้ฟีลเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ก่อนนะครับ รับรองว่าอาหารสดใหม่ส่งตรงจากญี่ปุ่นทุกจาน บรรยากาศได้อารมณ์เจแปนแน่นอน แต่ถ้าหากใครอยากอิ่มอร่อยที่บ้าน ก็สามารถสั่งเดลิเวอรี่ส่งถึงหน้าบ้านได้ทุกเมนูด้วยนะครับ