ซูชิ อาหารญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก เมนูเด็ดที่หาได้ตั้งแต่ร้านข้างทางไปจนถึงภัตตาคารหรูหราราคาต่อจานสูงลิ่ว หากใครเคยเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว ได้สั่งซูชิ มาทานก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำ ซูชิถึงเสิร์ฟบนจานแค่ 2 ชิ้น ทำไมไม่ใส่ให้เยอะ ๆ เต็มจานมากกว่านี้กันล่ะ ความจริงแล้วที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟแบบนี้เขามีเหตุผลนะคะ ตาม Kabocha Sushi มาสิ เรามีคำตอบ
ต้นกำเนิดซูชิ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงต้นกำเนิดของซูซิสั้น ๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ “ซูซิ” เป็นเมนูอาหารที่มีมานานนับพันปี เริ่มต้นเดิมทีไม่ได้เป็นอาหารของญี่ปุ่นอย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็นอาหารที่ถูกทำขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีน มาจากอาหารเมนูที่เรียกว่า “นาเรซูชิ” โดยอาหารจานนี้ ประกอบด้วย ข้าวหมักและปลาเค็ม ซึ่งเป็นเมนูที่เกิดจากการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้ทานได้นานขึ้น ต่อมาเมื่อมีการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างจีนและญี่ปุ่น วัฒนธรรมและอาหารการกินจึงเริ่มแผ่ขยายจากจีนเข้าสู่ญี่ปุ่นขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดย “ซูชิ” ได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในสมัยนาราราวปี ค.ศ. 718 หลายศตวรรษต่อมา คนญี่ปุ่นเริ่มใช้น้ำส้มสายชูหมักข้าวเพื่อช่วยให้การหมักข้าวรวดเร็วขึ้น จึงช่วยลดเวลาในการทำซูชิได้ พอมาถึงสมัยเอโดะ ซูซิเริ่มรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น จนทำให้เกิด ร้านซูชิ ขึ้น 3 ร้านขึ้นมา ได้แก่ มัตสึงาชิชิ (松が鮓), โค เบะ (興兵衛) และ เคนูกิซูชิ (毛抜き) ซึ่ง ซูชิที่ทำขึ้นนี้ เราเรียกว่า “นิกิริซูชิ” (握り寿司) หรือ ซูชิที่ปั้นขึ้นมาจากมือนั่นเองค่ะ
นิกิริซูชิ ต้นแบบเสิร์ฟซูชิ 2 คำ
ปัจจุบันมี ซูชิหลายประเภท แต่ “นิกิริซูชิ” เป็นซูซิปั้นมือที่ต้องมีในทุกร้านอาหารญี่ปุ่น เป็น ข้าวปั้นซูชิ ที่ใช้มีกดลงไปที่ฝ่ามือเพื่อให้มีจุดวางวาซาบิ จากนั้นใส่วาซาบิลงไป ก่อนที่จะวางท็อปปิ้งหน้าต่าง ๆ ลงไป เช่น แซลมอน มากุโระ ไข่หวาน ทาโกะ และ อูนิ เป็นต้น ซูชิบางอัน อาจห่อข้าวด้วยสาหร่ายโนริบาง ๆ เพื่อให้ ซูชิมีรสชาติที่อร่อยมากขึ้น โดย ซูชิประเภทนี้ บางครั้งอาจเรียกว่า “เอโดะมาเอะซูชิ” ซึ่งสะท้อนถึงต้นกำเนิดของซูชิที่เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) และ มักจะเสิร์ฟเป็นซูชิ เป็นคู่ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา
ทำไมซูชิถึงถูกเสิร์ฟจานละ 2 คำ
ปัจจุบัน ซูชิมาการพัฒนาไปจากยุคแรก ๆ ค่อนข้าวมาก เรื่องจาก นิกิริซูชิ นั้น เดิมใช้เนื้อปลาหมักในซีอิ๊วขาวหรือน้ำส้มสายชูมาก่อนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจิ้มซอสแต่อย่างใด อีกทั้งปลาบางตัวก็ถูกทำให้สุกก่อน เพราะสมัยก่อนนั้นไม่มีตู้เย็นการนำเอาวัตถุดิบสด ๆ มาทำเป็น ซูชิจึงเป็นเรื่องยากมาก ไม่เพียงแค่นั้น ซูชิแต่ละคำ ก็มีคำใหญ่มากขนาดเกือบจะเท่ากับ ซูชิ 2 ชิ้นในปัจจุบันเลยกว่าได้ แม้ว่า รูปแบบของซูชิ จะเปลี่ยนไป แต่การเสิร์ฟซูชิ แบบ 2 คำต่อจานยังเหมือนเดิม เป็นเพราะอะไรกัน เรามีเหตุผลให้ดังนี้ค่ะ
ญี่ปุ่นนี้เป็นประเทศที่มีความใส่ใจต่ออาหารหารกินมาก ๆ เลยใช่ไหมค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผ่านกระบวนการคิดค้นมาแล้วทั้งสิ้น ไม่แปลกใจเลยที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ค่ะ
อ่านเรื่องซูชิกันมาจนจบแล้ว Kabocha Sushi อยากชวนเพื่อนๆ มาสัมผัสประสบการณ์ การทานซูชิอร่อย ๆ ที่ถูกถ่ายทอดกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะที่ ร้านอาหารญี่ปุ่น คาโบฉะ ซูชิ ทุกสาขา (Kabocha sushi) ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ใส่ใจปรุงรสอย่างพิถีพิถันทุกคำ ทั้งยังมีหน้าให้เลือกมากมายละลานตา เช่น ปลาดิบสดๆ เนื้อแน่น เนียนนุ่ม ละลายในปากอย่าง แซลมอน มากุโระ เอบิ หรือ จะเป็น ซูชิหน้าไข่หวาน ไข่สุก ทาโกะ ปลาไหลย่าง ตับห่านก็มีให้เพื่อนๆ ได้กินอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งพอได้กินในร้านยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนอนู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเลยทีเดียว ว่าแล้วอย่ารอช้ารีบมากินซูชิ ที่ร้านกันเลย