ภูมิภาคชูบุ มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ซึ่ง 1 ในที่เที่ยวที่รู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นคือ ภูเขาฟูจิ แต่รู้หรือไม่! ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจยังมีอีกหลายที่ ไม่ว่าจะทะเล ภูเขา สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เมืองและจังหวัดต่างๆ ในชูบุก็มีครบ วันนี้ Kabocha Sushi จะพามาชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ของภูมิภาคชูบุ ที่ไม่ใช่ ภูเขาฟูจิ
ใครกำลังมองหาที่ขอพร เสริมดวงความรัก ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่มี หินธรรมชาติที่มีลักษณะเหมือนกับด้ายมงคลบนศีรษะคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงานจึงได้ชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า “Wedding Rocks”ตั้งอยู่ในศาลเจ้าฟุตามิโอคิทามะ (Futami Okitama Shrine) ในเมืองอิเสะชิมะในจังหวัดมิเอะ ซึ่งหิน 2 ก้อนนี้จะอยู่ริมทะเล ก้อนหนึ่งเล็กอีกก้อนหนึ่งใหญ่ ถูกเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยเชือกฟากเส้นใหญ่ที่เรียก “ชิเมนาวะ” (Shimenawa Rope) ซึ่งตามตำนานหมายถึงคู่สามีภรรยาคือ เทพอซานาวิ (Izanagi no Okami) และเทพอิซานามิ (Izanami no Okami) ผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลกและให้กำเนิดเทพต่างๆอีกมากมาย จึงเป็นที่โด่งดังเรื่องการขอพรด้านคู่ครอง นั่นเอง
เป็นอีกที่ ที่ถ้ามาภูมิภาคชูบุ แล้วไม่ไป ศาลเจ้าอิเสะ ถือว่ามาไม่ถึง นี่ศาลเจ้าแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนคริสตกาลหรือตรงกับ พ.ศ. 539 เป็นศาลเจ้าของผู้ที่นับถือลัทธิชินโตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับราชวงศ์ญี่ปุ่น จึงนับได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญสูงสุด และชาวญี่ปุ่น มีความเชื่อกันว่าศาลเจ้าอิเสะนั้นเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้า Amaterasu หรือ เทพเจ้าพระอาทิตย์ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเองก็ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัยเช่นกัน
หรือมีอีกชื่อว่า “ถนนย้อนยุคโอคาเกะโยโคะโจ (Okage Yokocho Ancient Street)” ตั้งอยู่ภายในเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ พอเดินชมศาลเจ้าอิเสะเสร็จแล้ว ก็ต้องออกมาเดินชมชิลกินขนม ซื้อของฝาก ท่ามกลางบรรยากาศโบราณ ที่เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ระยะทางยาวกว่า 800 เมตร ที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้า ทั้งร้านอาหาร ร้านขนมหวาน ของฝากท้องถิ่นให้เลือกแวะกันมากกว่า 50 ร้าน
หรือ พิพิธภัณฑ์นินจา Iga ตั้งอยู่ในสวน Ueno เมืองอิงะ จังหวัดมิเอะ ซึ่งถือว่าเป็นบ้านเกิดของเหล่านินจาในตระกูลอิงะ เป็นสำนักที่ถูกกล่าวว่าเป็นสำนักที่ดีที่สุดในศาสตร์แห่งนินจาทั้งหมดทั้งญี่ปุ่น และที่นี่ก็เคยเป็นที่สอนวิชานินจาของที่ญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงประวัติ สิ่งของและอาวุธต่าง ๆ อย่าง ดาบ ดาวกระจาย ที่เกี่ยวข้องกับนินจา รวมถึงยังมีการจำลองบ้านของนินจา ที่มีทั้งประตูลับอยู่ข้างใน ช่องซ่อนอาวุธ และกับดัก นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของนินจา ที่จะโชว์ทักษะการต่อสู้และแสดงประสิทธิภาพของอาวุธของนินจาอีกด้วย
หลีกหนีความวุ่นวาย ไปพักที่หมู่บ้านโบราณ ที่มีอายุกว่า 250 ปี ตั้งอยู่กลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขา และมีแม่น้ำไหลผ่าน ให้คุณได้สัมผัสความงดงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ทรงบ้านออกแบบสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวที่เรียกว่า “กัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri)” ที่มีความชันถึง 60 องศา มาประกบกัน คำว่า กัสโช แปลว่า พนมมือ ซึ่งเป็นวิถีการสร้างบ้านที่ไว้รองรับน้ำหนักของหิมะที่ตกหนักในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง ที่สำคัญหมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่ญี่ปุ่น โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 อีกด้วย
6. อร่อยกับอาหารทะเล ของอามะ ที่มิเอะ
อามะ (Ama) คือ เหล่าบรรดาสตรี ที่สามารถดำน้ำเก็บวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากทะเล อย่างหอยเป๋าฮื้อ กุ้งอิเสะ ฯลฯ แถวชายฝั่งทะเล โดยปราศจากอุปกรณ์ดำน้ำใดๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่สืบต่อมารุ่นต่อรุ่นของเมืองโทบะ (Toba) และชิมะ (Shima) ของจังหวัดมิเอะ ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของอามะ และรู้จักกระท่อมอามะ ฮาจิมัง คามาโดะ (Hachima Kamado) ได้ พร้อมกับกินอาหารทะเลอร่อย ๆ ได้ที่นี่
แต่ถ้าอยู่เมืองไทย แล้วอยากกินอาหารญี่ปุ่น ต้องไม่พลาดร้านอาหารญี่ปุ่น ดั้งเดิมสไตล์เอโดะญี่ปุ่นเเท้ๆ ที่ Kabocha sushi เพราะที่นี่นำเข้าวัตถุดิบเกรดพรีเมียมส่งตรงจากญี่ปุ่นทุกวัน นอกจากนี้หากใครไม่สะดวกมาที่ร้าน สามารถสั่ง delivery ให้เราส่งตรงความอร่อยถึงหน้าบ้าน…อยากลิ้มรสอาหารญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น ต้องที่คาโบฉะ ซูชิ นะครับ