บางคนช่วงนี้กินเยอะ ทำให้พุงน้อยๆ เริ่มขยาย ส่งผลให้เสื้อผ้าต้องขยับไซส์ขึ้น แถมสุขภาพก็เสียตามไปด้วย ทำให้หลายคนต้องหันมาไดเอท หรือ ลดน้ำหนัก กันยกใหญ่ แต่ถ้าจะ ลดน้ำหนัก ของโปรดบางอย่างก็ต้องอดกิน ยิ่งของหวานๆ แล้ว สำหรับคนที่ชื่นชอบคงทรมานน่าดู เพราะความเชื่อที่ว่าของหวานคือศัตรูของการลดน้ำหนัก แต่วันนี้ Kabocha Sushi มีข่าวดีจากคุณหมอญี่ปุ่น และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาในการลดน้ำหนัก มาบอกกันครับ ว่า “ลดน้ำหนักยังไง ไม่ต้องงดของหวาน วิธีง่ายๆ สไตล์คนญี่ปุ่น”
คุณหมอชาวญี่ปุ่นแนะนำว่า ถ้าอยากกินของหวานต้องกินในตอนบ่าย 3 โมง ด้วยเหตุผลที่ว่า ระบบนาฬิกาทางชีวภาพของคนเรา จะทำให้เราตื่นเช้าขึ้นมาระบบสมองจะ Start ตื่นตัว พร้อมทำกิจกรรมต่าง ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน และพอตกกลางคืน หลังทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว ร่างกายก็จะรู้สึกเหนื่อย และต้องการการพักผ่อน เพราะฉะนั้น เวลา บ่าย 3 ของวัน จะเป็นเวลาที่ไขมันสะสมจากอาหารได้ยากที่สุด เพราะ โปรตีน BMAL1 เป็นโปรตีนที่ทำให้อ้วน (โปรตีนที่เกี่ยวข้องกับระบบนาฬิกาชีวภาพ) ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินไปเป็นไขมันและกดการสลายของไขมันในร่างกายไปเป็นพลังงาน โดยการทำงานของโปรตีนที่ทำให้อ้วนชนิดนี้ จะลดลงในช่วงเวลากลางวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น โดยเฉพาะช่วงเวลาบ่าย 3 โมง จะเป็นเวลาที่ร่างกายสร้างโปรตีนน้อยที่สุด จึงเหมาะที่คนรักของหวานแต่ต้องลดน้ำหนัก กินได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการกินจุ๊บจิ๊บในตอนเย็นและช่วยสร้างระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ไปจนถึงอาหารค่ำ ซึ่งจะทำให้สามารถลดปริมาณอาหารมื้อค่ำไปได้ตามธรรมชาติ ส่วนเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการกินมากที่สุด นั่นคือ ช่วงเวลา 4 ทุ่ม ถึง ตี 2 เพราะ โปรตีน BMAL1 จะถูกสร้างให้ออกมาทำงานมากที่สุด และหากกินเวลานี้จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันมากที่สุดและทำให้อ้วนง่ายขึ้นกว่าเดิม
คนส่วนใหญ่จะมีความเชื่อที่ว่า ของหวาน คือ ความอ้วน แต่หากเป็นการลดความอ้วนสไตล์ญี่ปุ่น ต้องลดความเครียดเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า “ของหวาน ไม่ทำให้อ้วน” ให้ลิ้มรสหวานและกลิ่นหอมของขนมหวานให้มีความสุขให้สมกับที่อยากกินทุกชิ้น เพราะความสุขนั้นจะทำให้ร่างกายหลั่ง เซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมามากขึ้น ฮอร์โมนตัวนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดที่จะส่งผลทำให้กินอาหารมื้อเย็นมากเกินไปนั่นเอง
การกินของหวาน หากกินพร้อมกับกาแฟดำร้อน หรือชาเขียวร้อน ก็จะช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อดีของการดื่มกาแฟอีกหนึ่งอย่าง คือ สามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย เพราะในกาแฟมีโพลีฟีนอล ที่เรียกว่า กรดคลอโรจีนิก ซึ่งสารตัวนี้จะมีอยู่ในกาแฟทุกชนิด แต่ถ้าหากใครไม่ดื่มกาแฟ ลองเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวร้อน ก็อร่อยคล่องคอไม่หยอก แถมยังอุดมไปด้วยสารคาเทชินที่ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายและป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความอ้วนง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญไม่ว่าจะดื่มกาแฟหรือชาเขียว จะต้องไม่เติมนมหรือน้ำตาลลงไปด้วยเด็ดขาด
การลดน้ำหนัก หรือ ไดเอท ต้องลดแบบไม่เครียดนะครับ ควรกินเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อความเเข็งแรงของร่างกาย อย่าง อาหารญี่ปุ่น ก็เป็นอีกเมนูที่คนลดน้ำหนักกินได้แบบไม่ต้องกังวล ลองเลือก เมนูอาหารญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นใช้ไดเอท อย่างเมนู ปลาแซลมอน แถมกินแล้วมีพลังหายเครียด อีกด้วยนะครับ สามารถมาทาน อาหารญี่ปุ่น กันได้ที่ Kabocha sushi (คาโบฉะ ซูชิ) ทั้ง 11 สาขา มีหลากหลายเมนูอาหารญี่ปุ่นไดเอทให้เลือกมากมาย รับรองว่าไดเอทครั้งนี้คุณจะไม่เบื่อเเน่นอน หรือจะสั่งออนไลน์ เดลิเวอรี่ delivery ส่ง อาหารญี่ปุ่น อร่อยถึงบ้านทางร้านก็มีบริการนะครับ