เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ คนญี่ปุ่น นึกถึงอะไรกันนะ?

     ฤดูใบไม้ผลิของ ญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมและสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ดอกไม้ค่อย ๆ ผลิดอกออกบานสะพรั่ง สำหรับคนในท้องถิ่นแล้วฤดูใบไม้ผลิหมายถึงการเริ่มต้นไปโรงเรียนทั้งยังเป็นช่วงที่ คนญี่ปุ่น ต่างรอคอยงานเทศกาล อาหาร และความสนุกสนานที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าแต่ทำไม คนญี่ปุ่น ถึงรอคอยช่วงฤดูใบไม้ผลิกันน้า Kabocha จะเล่าให้ฟังจ้า      

ดื่มด่ำกับอากาศที่อบอุ่น

     ในโตเกียว ช่วงเดือนมีนาคมอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13°C (55°F) ในช่วงบ่าย และ 5°C (41°F) ในช่วงเช้าและเย็น กลางเดือนเมษายนอากาศจะอุ่นขึ้นไปอีก โดยอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 18.5°C (65°F) และต่ำสุดที่ 10.0°C (51°F) ส่วนเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของฤดูใบไม้ผลิ โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 23°C (73.5°F) ในตอนบ่าย และเย็นลงถึง 15°C (59°F) ในตอนเช้าและตอนเย็น

เที่ยวชมดอกไม้ที่กำลังผลิบาน

แน่นอนว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทั่วทั้งเมืองในญี่ปุ่น จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนออกมาเที่ยวชมดอกซากุระบานที่เรียกว่า “ฮานามิ (花み)” กับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน บางคนก็หอบหิ้วเอาเสื่อมาปูนั่งปิกนิกที่ใต้ต้นซากุระ พร้อมถือเบนโตะ (弁当) และเครื่องดื่มอย่างกระป๋องเบียร์ติดไม้ติดมือมาด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีดอกบ๊วยที่เป็นสัญญาณแรกของ ฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ด้วยนะ เราจึงเห็นขนมรสบ๊วยวางขายอยู่ในทุก ๆ ที่ รวมถึงเหล้าบ๊วยดวงตามฤดูกาล นอกจากนี้เหล้าบ๊วยยังถือเป็นยาแก้เมาค้างที่ดี

สนุกสนานไปกับเทศกาลช่วงฤดูใบไม้ผลิ

     ญี่ปุ่น เต็มไปด้วยเทศกาลหรือ มัตสึริ (祭り) ตลอดทั้งปี ฤดูใบไม้ผลิก็เช่นกัน ภายในงานจะเต็มไปด้วยแผงขายอาหารนานาชนิด การแสดงต่าง ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เทศกาลที่ขึ้นชื่อ เช่น “เทศกาลซันจะมัตสึริ” (Sanja Matsuri) ณ วัดเซนโซจิ (Senso-ji Temple) ย่านอาซากุสะ (Asakusa) เป็น 1 ใน 3 เทศกาลขนาดใหญ่ของศาสนาชินโตที่จัดขึ้นในกรุงโตเกียว เทศกาลมีชื่อเสียงอีกแห่งคือ “เทศกาลฮานะมัตสึริ” (Hana Matsuri) หรือการประสูติของพระเจ้าภายในวัด ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เมษายน โดย ญี่ปุ่นจะเฉลิมฉลอง วันประสูติของพระพุทธเจ้า ด้วยการทรงน้ำพระที่มีการประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน

นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลและงานแสดงอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงงาน ตุ๊กตาดารุมะ จัดขึ้นที่วัดจินไดจิด้วยนะ ภายในงานเราจะเห็นตุ๊กตาดารุมะสีสันสวยงามมากมาย และการออกแบบแปลกตา ซึ่งตุ๊กตาเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความพากเพียรและความโชคดี  เพราะมีความเชื่อที่ว่าเมื่อคุณซื้อตุ๊กตาไปแล้ว ให้วาดดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเพื่อเป็นการอธิษฐานเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ หากบรรลุเปาหมายแล้วค่อยกลับมาวาดตาอีกข้าง

อย่าพลาดอาหารตามฤดูกาล

     แน่นอนว่ายังมี อาหารญี่ปุ่น มากกว่า ราเมง ซูซิ และ ซาซิมิ ! แต่ยังมีอาหารอีกมายมายที่มีเฉพาะในฤดูกาลนี้ แต่จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

เริ่มจากปลาไท หรือปลากะพง ซึ่งฤดูใบไม้ผลิโดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ปลามาวางไข่ ช่วงนี้ปลาจึงมีความอ้วนมากที่สุด เราจึงเห็นปลาไทวางเรียงรายอยู่บนถาดซูซิ ว่ากันว่าปลาชนิดนี้ยังเป็นอาหารมงคลด้วยนะซ่งหมายถึงความโชคดี เป็นอาหารยอดนิยมของนักเรียนที่กำลังเปิดเทอมใหม่ หรือพนักงานที่เพิ่งได้เข้าทำงานใหม่ พราะเป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นนั่นเองค่ะ

หอยอาซาริ หอยลายญี่ปุ่น (あさり) จะพบมากในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงกรกฎาคม บริเวณอ่าวโตเกียว ทำให้ในช่วงนี้ ชายหาดของญี่ปุ่น จะเต็มไปด้วยผู้คนมาขุดหอยกันจำนวนมากจนกลายมาเป็นกิจกรรมยอดนิยมในของทุกปี เราจึงเห็นหอยลายในเมนูซุปมิโซะ หรือนำไปผัดกับเนยหอม ๆ 

หน่อไม้ เป็นอาหารในฤดูใบไม้ผลิ เพราะมีการแตกหน่อในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยมีเมนูข้าวไม้ไผ่ (Takenoko gohan) เป็นอาหารยอดนิยม รวมถึงเมนูเทมปุระด้วย

             ชิราชิซูชิ แม้ว่าจะไม่ถือว่าเป็นอาหาร 'ฤดูใบไม้ผลิ' แต่เป็น ซูซิ ที่กินใน วันฮินามัตสึริ หรือ'วันเด็กผู้หญิง' เพื่อเฉลิมฉลองทำให้เราจะเห็น ซูซิ รวมถึง ซาซิมิ กุ้งต้ม เห็ดชิตาเกะ ไข่ และ ผักอื่นๆ เป็นท็อปปิ้งด้วย แม้แต่ในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ หลายคนก็นิยมกินเมนูนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันแห่งการเริ่มต้นใหม่

ส่วนของหวาน เราจะเห็นว่า ไดฟุกุใส่ สตรอเบอร์รี่ ในร้านขายขนม ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ตตลอดจนแผงขายอาหารต่าง ๆ มากมาย รวมถึงสตรอเบอร์รี่สด ๆ ด้วยนะ 

             เมื่อหน้าหนาวสิ้นสุดลง ฤดูกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ผู้คนต่างรอคอยช่วงเวลานี้เพื่อมาเฉลิมฉลองและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ จึงออกมาในรูปของเทศกาล งานกิจกรรม และอาหารต่าง ๆ สำหรับใครที่อยากฉลองเทศกาลใบไม้ผลิลองมาที่ร้าน Kabocha sushi (คาโบฉะ ซูซิ) ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับได้นะ เพราะที่นี่มีเมนูให้เลือกมากมายตั้งแต่ ซูซิ เทมปุระ ซาซิมิ และอาหารตามฤดูกาลต่าง ๆ ที่รอให้ทุกคนมาลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นปลาสด ๆ หอยหวาน ๆ เนื้อนุ่ม ๆ หรือแม้แต่ข้าวที่หอมกรุ่น ว่าแล้วก็น้ำลายไหล! สำหรับใครที่ คิดถึงอาหารญี่ปุ่น อย่าลืมคิดถึง Kabocha sushi (คาโบฉะ ซูซิ) นะคะ