ไขความลับ “ตราประจำตระกูล” (Kamon) ของ คนญี่ปุ่น

     ญี่ปุ่น ขึ้นชื่อในเรื่องของเอกลักษณ์ และ วัฒนธรรมที่โดดเด่น ยิ่งเราได้ศึกษาค้นคว้ายิ่งรู้สึกทึ้ง และประหลาดใจ คุณเคยได้ยินเรื่องราวของ “ตราประจำตระกูล” ของ คนญี่ปุ่น หรือไม่ เรื่องนี้มีความพิเศษอย่างไร วันนี้ เราจะเล่าถึงความเป็นมาอย่างยาวนานและความลับ ของตราประจำตระกูล ที่ซ่อนอยู่ ถ้าพร้อมแล้วตามผมไปสนุกกันได้เลย

 

มารู้จักกับ “คะมน” ตราประจำตระกูลของญี่ปุ่น กันเถอะ!

     ตราประจำตระกูล มีลักษณะเป็นลวดลายต่าง ๆ มีตั้งแต่รูปสัตว์ ดอกไม้ และ ใบไม้ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ซึ่งตราประจำตระกูล มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะบ่งบอกถึงสายเลือด วงศ์ตระกูล สถานะทางสังคมของ วัฒนธรรมญี่ปุ่น เลยก็ว่าได้ โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่มีนามสกุลเหมือนกัน จะใช้ตราประจำตระกูลเหมือนกัน แต่อาจมีบ้างที่ ใช้ตราประจำตระกูลแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิหลังของแต่ละครอบครัว และในบางกรณีที่แม้ว่านามสกุลต่างกัน แต่อาจมีการใช้ตราประจำตระกูลแบบเดียวกันก็ได้เช่นกัน แต่เอ๋…เป็นเพราะอะไรกันนั้น ลองทายกันสิครับ?

 

kabocha sushi พามาไขความลับ ตราประจำตระกูล ญี่ปุ่น ของ คนญี่ปุ่น

 

จุดเริ่มต้นของตราประจำตระกูลใน สังคมญี่ปุ่น

     ย้อนกลับไปใน สมัยยุคเฮอัน ขุนนางในราชสำนักมีการใช้รถลากเป็นพาหนะ ในการเดินทางและนิยมนำลวดลาย เฉพาะของตนเองมาตกแต่งให้เข้ากับรถลาก จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนามาเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงตัวตนและ ตระกูลของตนเอง บางคนถึงกับสลักตำแหน่งของตนเองลงไปยังลวดลายนั้นด้วย

 

จนกระทั่งมาถึง ยุคสมัยคามาคุระ ยุครุ่งเรื่องของ ซามูไร ตระกูลซามูไร ต่าง ๆ กลายเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญทางการเมือง จึงเริ่มมีการนำสัญลักษณ์หรือ ตราประจำตระกูลมาใช้ เพื่อแสดงถึงความเป็นพันธมิตร และ ศัตรู ระหว่างกัน ในยุคนี้เราจึงเห็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลตามสถานที่ และ สิ่งของต่างๆ เช่น ธงและผ้าม่านในค่าย หมวก ดาบ ชุดเกราะ และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงการครอบครอง และยังใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสร้างความสามัคคีกับเหล่าซามูไรในกองทัพอีกด้วย และนี่เป็นเหตุผลว่า… ทำไมคนละนามสกุลกัน ถึงมีการใช้ตราประจำตระกูลที่เหมือนกันได้ นั่นเองครับ!

 

kabocha sushi พาไขความลับ ตราประจำตระกูลญี่ปุ่น ของ คนญี่ปุ่น

 

     พอมาถึง สมัยเอโดะ บทบาทของซามูไร ค่อย ๆ เลือนหายไป การใช้ตราประจำตระกูล แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจึงค่อย ๆ ลดลงตามไปด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า การใช้ตราประจำตระกูล เริ่มเกิดขึ้นในหมู่ของสามัญชน เพราะในสมัยนั้น สามัญชนในญี่ปุ่น ยังไม่มีการใช้นามสกุล ทำให้ตราประจำตระกูล กลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงเครือญาติหรือผู้ที่มีการสืบทอดทางสายเลือดเดียวกัน 

 

ต่อมา เหล่าพ่อค้า และ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ได้นำเอาตราประจำตระกูลมาใช้ เพื่อเป็นเครื่องหมายการค้าของตนเอง เราจึงเห็นตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตามร้านค้า ร้านอาหารมากมาย และในปัจจุบัน เรายังเห็นตราตระกูลเหล่านี้ แม้กระทั่งในวัด ศาลเจ้า หลังคาบ้าน และ เครื่องแต่งกายด้วย ถ้าใครได้ไปญี่ปุ่น ลองสังเกตดูนะครับว่า เจอตราประจำตระกูล ที่ไหนกันบ้าง

 

kabocha sushi พาไขความลับ ตราประจำตระกูล ใน ญี่ปุ่น ของ คนญี่ปุ่น

 

ความหมายที่แฝงมากับตราประจำตระกูล

     หลังจากรู้แล้วว่า ตราประจำตระกูล มีที่มาเป็นอย่างไร คราวนี้เราไปทำความรู้จักกับลวดลาย ที่อยู่ในตราประจำตระกูลกันบ้างดีกว่า..  ตราประจำตระกูลในยุคแรก มักแสดงถึงความเป็นธรรมชาติ จึงมีการนำเอารูป ดอกไม้  นก ดวงจันทร์ มาใช้เป็นสัญลักษณ์ ในตราประจำตระกูล โดยมีการออกแบบให้มีความเรียบง่าย ชัดเจน ไม่ซับซ้อน ใช้หลักของความสมมาตร แถมยังมีความหมายแฝงที่ซ่อนถึงแนวความคิดและคติความเชื่อที่ฝั่งลึกสลัก ไว้บนตราประจำตระกูลด้วย เราลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ

 

1. ดอกเบญจมาศ

ดอกเบญจมาศ หมายถึง อายุยืนที่ยืนยาว และ ปัดเป่าสิ่งขั่วร้ายได้ แถมยังแสดงถึงความสง่างาม องอาจ เป็น ตราประจำราชวงศ์ญี่ปุ่น ใช้สัญลักษณ์เป็นดอกเบญจมาศ 16 กลีบ ซ้อนทับกัน 2 ชั้น ซึ่งตรานี้สามารถใช้ได้เฉพาะ จักรพรรดิเท่านั้น! ส่วนตราสัญลักษณ์ดอกเบญจมาศ 14 กลีบ จะใช้สำหรับเชื้อพระวงศ์นอกจากนี้ยังเป็น ดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น อีกด้วย

2. ผีเสื้อ

ผีเสือที่กำลังลอกคราบ เป็นตราประจำตระกูล ที่ใช้กันในตระกูลขุนนางไทระ ต้นสกุลคะบะเนะ ในปัจจุบันซึ่งตราประจำตระกูลนี้หมายถึง การเกิดใหม่และการเริ่มต้นใหม่นั่นเอง

3. ดอกซากุระ

ดอกซากุระ เป็น ดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น อีกชนิดหนึ่ง ของญี่ปุ่น เมื่อนำมาใช้กับตราประจำตระกูลจึงหมายถึง การเริ่มต้นการให้ความหวัง เป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึง ฤดูแห่งการเพาะปลูก สัญลักษณ์ของพระเจ้า จึงนิยมใช้ในกลุ่มของชาวนา

 

kabocha sushi พาไขความลับ ตราประจำตระกูล ของ คนญี่ปุ่น

 

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของ “ตราประจำตระกูล” ที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนาน และ คนญี่ปุ่น เองก็มักจะถ่ายทอดวิธีให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การเสาะหารากเหง้าของสายเลือดตัวเองด้วย น่ารักมากๆ เลยใช่ไหมครับ

 

 

     แม้ว่าเรื่องราวความสนุก ของการตามหาความเรื่องราวของ “ตราประจำตระกูล” จะจบลง แต่เรายังสามารถไปหาความสุข จากการกินได้ที่  “คาโบฉะ ซูชิ (Kabocha shushi)”  กันนะครับ.. เพราะทุกเมนูเรารังสรรค์แต่ความอร่อย คุ้มค่า สดใหม่เต็มคำ ในบรรยากาศที่อบอุ่น สำหรับคนที่ชอบ เดลิเวอรี่ เราก็มีบริการส่งอาหารส่งตรงที่หน้าบ้านเพื่อเปลี่ยนมื้ออาหารธรรมดาของคุณให้เป็นมื้ออาหารที่พิเศษกว่าที่เคย มาลองสัมผัสประสบการณ์การเติมความสุขได้ง่าย ๆ ที่ คาโบฉะ ซูชิ ทุกสาขา นะครับ