“ตุ๊กตาไล่ฝน”ของ ญี่ปุ่น จริงๆแล้วคือปีศาจ !!!

    ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ๆ ทำให้อดคิดถึงตุ๊กตาสีขาวหัวโล้นที่มักโผล่เข้ามาในฉากของการ์ตูนยอดฮิตสมัยก่อนชาวงเย็นเรื่องอิคคิวซัง ตุ๊กตาตัวนั้นมีชื่อเรียกว่า “เทรุเทรุ โบซุ” หรือ “ตุ๊กตาไล่ฝน” เรามักจะเห็นตุ๊กตัวนี้แขวนอยู่ที่บริเวณหน้าต่างซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องรางของ คนญี่ปุ่น ที่ช่วยให้อากาศแจ่มใส แต่ใครจะไปรู้ว่าตุ๊กตาน่ารัก ๆ นี้ ตามตำนานแล้วไม่ธรรมดาเลย เชื่อกันว่าเป็น ปีศาจของ ญี่ปุ่น ! ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ? ทำไม ปีศาจญี่ปุ่น ถึงได้กลายมาเป็นเครื่องรางได้ และได้กลายมาเป็นวัฒนธรรมตุ๊กตาไล่ฝนได้ยังไง ตาม Kabocha Sushi มาเลย

 

ตุ๊กตาไล่ฝนตามวิถี ญี่ปุ่น

 

ตุ๊กตาไล่ฝน ทำจากอะไร 

“เทรุเทรุ โบซุ” มาจากคำว่า เทรุ (照る) ที่แปลว่า ส่องแสง และคำว่า โบซุ (坊主) แปลว่า พระสงฆ์ หรือ หัวโล้น ซึ่งวิธีทำตุ๊กตาไล่ฝนก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใช้กระดาษ หรือกระดาษทิชชู่ 2 แผ่น มาทำเป็นส่วนหัวให้กลม ๆ แล้วนำเชือกมาผูกไว้ ก่อนจะนำไปแขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อไล่เมฆดำออกไปค่ะ แต่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ เพราะพอวันรุ่งขึ้นหากท้องฟ้าสว่างสดใสไร้เมฆครึ้มฟ้าฝนแล้ว เพื่อน ๆ ต้องวาดใบหน้าลงไปที่ตุ๊กตาไล่ฝน แล้วถวายสาเกเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะนำไปปล่อยลงแม่น้ำ (ปัจจุบันอาจพบเห็นน้อยลงแล้ว) เพราะ คนญี่ปุ่น ในสมัยก่อนเชื่อกันว่าแม่น้ำเป็นตัวเชื่อมระหว่างชีวิตหลังความตายและอาณาจักรของเทพเจ้า แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นฝนดันตกก็ให้เพื่อน ๆ ทิ้งได้เลย ซึ่งการทำตุ๊กตาไล่ฝนเหล่านี้ มักเป็นกิจกรรมที่ให้ เด็กญี่ปุ่น ได้เรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กเลยค่ะ

 

ไล่ฝนตามวิถี ญี่ปุ่น

 

ฮิโยริโบ ปีศาจแห่งแสงแดงของญี่ปุ่น

อย่างที่เกริ่นก่อนหน้านี้ว่า ตุ๊กตาไล่ฝนอาจถือกำเนิดมาจากปีศาจตามตำนานของฮิโยริโบะที่มีการเล่าสืบทอดมาอย่างยาวนานว่า ปีศาจฮิโยริโบอาศัยอยู่บริเวณเขาฮิตาชิโนะคุนิโดยมักจะพบเห็นเมื่อเวลาที่อากาศแจ่มใสเท่านั้น เพราะเมื่อเวลาที่ฝนตกเจ้าปีศาจก็จะหลบอยู่แต่ในป่าลึกไม่ออกมาให้ใครพบเห็นเลย ตำนานนี้ยังถูกบันทึกไว้ในหนังสือภาพของโทริยามะ โดยมีภาพวาดของฮิโยริโบะพร้อมกับข้อความที่อธิบายไว้ว่า ปีศาจตนนี้เป็นต้นกำเนิดของเทรุเทรุ โบซุ สมัยนั้นเด็ก ๆ มักทำตุ๊กตาไล่ฝนขึ้นมาเพื่อวิงวอนขอให้อากาศแจ่มใส ซึ่งพิธีกรรมนี้เป็นการทำขึ้นมาเพื่อบูชาวิญญาณของฮิโยริโบะนั่นเอง

 

ปีศาจแบบ ญี่ปุ่น

 

ฮิเดริกามิ ปีศาจภัยแล้ง

ในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น มีปีศาจตนหนึ้งชื่อว่า ฮิเดริกามิ เป็นปีศาจที่มีต้นกำเนิดจากจีนซึ่งเชื่อกันว่าทำให้เกิดภัยแล้ง มีลักษณะขนดก รูปร่างคล้ายมนุษย์ มีแขนข้างเดียว ขาข้างเดียว และตาข้างเดียว อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล ร่างกายของมันมักปล่อยความร้อนตลอดเวลาทำให้ทุกที่ที่ไปกลับอย่างแห้งและฝนก็ไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ไม่ว่าฮิเดริกามิจะไปที่ไหน หรืออยู่ที่ใดก็จะทำให้ฝนก็ไม่ตกค่ะ

ภาพวาดแบบ ญี่ปุ่น

 

ต้นกำเนิดที่น่าสะพรึงตาม ตำนานญี่ปุ่น

อีกตำนานที่ค่อนข้างจะน่ากลัว ซึ่งมีการเล่าต่อ ๆ กันมาว่าในอดีต คนญี่ปุ่น สมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จึงต้องอาศัยสายฝนเพื่อทำให้พืชพรรณเจริญงอกงาม ทั้งยังเชื่อกันว่าพระสงฆ์สามารถเรียกฟ้าฝนได้ จนกระทั่งในปี 800 จักรพรรดิของญี่ปุ่น มีคำสั่งให้ พระที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เรียกฝนขึ้นเป็นครั้งแรกและได้ทำเรื่อยมา ในช่วงนั้นมีพระมากกว่า 20 รูปเข้าร่วมพิธีกรรมดังกล่าว พอมาถึงปี 1300 ได้มีปรมาจารย์สายฝนมาทำพิธีเรียกฝนส่งผลให้ฝนตกอย่างหนักถึงขึ้นน้ำท่วม ชาวบ้านเริ่มเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนั้นจึงพากันไปร้องขอให้พระสงฆ์ช่วยทำไม่ให้ฝนตกแต่พระสงฆ์ทำไม่สำร็จ ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจและโกรธมากจนถึงขั้นพากันไปตัดศีรษะของพระรูปนั้นแล้วนำผ้าขาวมาพันหัว แล้วนำไปแขวนไว้เพื่อให้อากาศดีในวันรุ่งขึ้น!  เรียกได้ว่าเป็นตำนานตุ๊กตาไล่ฝนที่ดาร์กมากเลยค่ะ

 

บูชาตุ๊กตาไล่ฝน ญี่ปุ่น

 

    ทั้งหมดนี้เป็นตำนานของ “เทรุเทรุ โบซุ” หรือตุ๊กตาไล่ฝนที่เรารู้จักกัน เรื่องราวของวัฒนธรรม ประเพณี หรือความเป็นญี่ปุ่นยังมีให้เพื่อน ๆ ติดตามอีกเพียบ แต่ตอนนี้เรามาพักทาน อาหารญี่ปุ่น อร่อย ๆ ที่คาโบฉะ ซูชิ (Kabocha sushi) กันก่อนดีกว่าค่ะ ตำนานความอร่อยแบบออริจินัลของเมืองไทย ไม่ว่าเมนูไหนเพื่อน ๆ กินแล้วต้องติดใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเนื้อปลาดิบวัตถุดิบหลักของเมนูซาซิมิ หรือซูชิ ที่บอกเลยว่ามันดีมาก! เนื้อทั้งนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ละลายในปาก ยิ่งเคี้ยวยิ่งเพลิน พอได้ทานจิ้มทานคู่กับซอสยิ่งรู้สึกถึงรสชาติความอูมามิที่อร่อยสุด ๆ เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยจริง ๆ