วันแห่งการขอบคุณ “ท้องทะเล” (Umi no Hi・海の日) ของ ญี่ปุ่น

               ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลให้ทุก ๆ ด้าน เพราะมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะ ประกอบกับความเอื้ออำนวยของ กระแสน้ำอุ่น และ กระแสน้ำเย็น ทำให้มีปลาน้อยใหญ่มาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก  ท้องทะเลญี่ปุ่น จึงเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลนานาชนิด คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จึงประกอบอาชีพประมง หลายคนมีการสืบทอดอาชีพมาจากรุ่นสู่รุ่น เรียกได้ว่า คนญี่ปุ่น มีผูกพันกับท้องทะเลมาช้านานเลยทีเดียว ทำให้เกิดอาชีพ ความเชื่อ และกิจกรรมต่าง ๆ ตามมา เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแท้จริงแล้ว คนญี่ปุ่น เขารักท้องทะเลของเขามากแค่ไหน ตาม Kabocha มากันเลย! 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่น kabocha sushi delivery ซาซิมิ ปลาดิบ ที่ ญี่ปุ่น

 

 คนญี่ปุ่น เป็นชาวประมงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

     จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่มีการค้นพบคันเบ็ด เรือ และอุปกรณ์หาปลาอื่น ๆ ทำให้เราทราบว่า คนญี่ปุ่นทำการประมง มาตั้งแต่สมัยโบราณใน ยุคโจมงราว ๆ 6,000 ปีก่อน จวบจนปัจจุบัน และ มีการทำประมงเล็ก ๆ กระจายตัวกันตามแนวชายฝั่งกว่า 5,000 แห่ง สำหรับปลาที่คนนิยมทานกัน ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลามากูโร่ ปลาซัมมะ ปลาอาจิ ปลาซาบะ ปลาไหลญี่ปุ่น ปลาโอ ปลากระพงญี่ปุ่น ปลาหางเหลือง และ ปลาไข่ 

             นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่น ยังเปรียบเหมือนสวรรค์ของ นักตกปลา เพราะมี คนญี่ปุ่นหลายคน ชื่นชอบการตกปลาเป็นงานอดิเรกจำนวนมาก จึงเกิดเป็นบริษัททัวร์ เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ไปตกปลาตามสถานที่ต่าง ๆ ในท้องทะเลอีกด้วย

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ฉัน kabocha sushi delivery ซาซิมิ ปลาดิบ ที่ ญี่ปุ่น
 

 “เอบิซุ” เทพเจ้าที่ ชาวประมงญี่ปุ่น นับถือ

     การทำประมง มักขึ้นอยู่กับธรรมชาติ เราไม่สามารถทราบได้ว่าวันนี้จะจับปลาได้เท่าไหร่ จะเกิดอะไรขึ้นในท้องทะเลบ้าง การออกไปทำประมงการทะเล มักต้องพบเจอกับความเสี่ยงอยู่เสมอ ทำให้ ชาวประมงญี่ปุ่น มักไปศาลเจ้าเพื่อ ไหว้สักการะเทพเจ้า ก่อนออกทะเล โดยเทพเจ้าที่ชาวประมงนับถือกับมาก คือ “เทพเจ้าเอบิซุ” (Ebisu・恵比須, 恵比寿, 夷, 戎) หรือ ฮิรูโกะ (Hiruko・ 蛭子) หนึ่งในเทพเจ้าทั้ง 7 ที่ ชาวญี่ปุ่น ให้การเคารพนับถือกันมาก เพราะทรงเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพเจ้าแห่งการประมงด้วย ชาวประมงญี่ปุ่น จึงนิยมไปขอพรและอธิษฐาน เพื่อให้พวกเขาสามารถจับปลาได้ตามที่ต้องการ ขอให้อากาศปลอดโปร่ง และมีความปลอดภัยตลอดที่เดินทางอยู่ในทะเล ไม่เพียงแค่นั้นก่อนที่ชาวประมงจะเดินเรือยังมีการทำพิธีเล็ก ๆ ก่อนมุ่งหน้าออกสู่ทะเล

วันแห่งการของคุณท้องทะเล เกิดขึ้นได้อย่างไร

     วันทะเล หรือ อูมิ โนะ ฮิ (Marine Day) จะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ที่ 3 ของ เดือนกรกฎาคม เพื่อเป็นการขอบคุณทะเล” แต่เดิมวันทะเลตรงกับวันที่ 20 กรกฎาคม เรียกว่า “วันที่ระลึกถึงทะเล” (Marine Memorial Day) หรือ Umi no Kinenbi (海の記念日) ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1941 จากแนวความคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร มุราตะ โชโซว ที่ต้องการให้มีวันสำคัญของทะเลขึ้น และเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาของ จักรพรรดิเมจิ ใน โยโกฮาม่า จากการเดินทางไปเยี่ยมเยียนราษฎรโดย เรือกลไฟเมจิมารุ ของ อังกฤษ 

จากนั้นในปี 1966 ได้เปลี่ยนมาเป็น "วันทะเล (Marine Day)" เพื่อแสดงถึงการขอบคุณท้องทะเลและการเห็นคุณค่าของท้องทะเล เนื่องจาก ญี่ปุ่น เป็นเป็นเทศที่พึ่งพิงทรัพยากรทางทะเลมาโดยตลอด เป็นแหล่งของอาหารหลักของคนในประเทศ และยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจเพื่อการส่งออกขนาดใหญ่ที่สำคัญของโลก อีกทั้ง ญี่ปุ่น ยังเชื่อเรื่อง 'Happy Monday System' จึงมีการเปลี่ยนแปลงวันเฉลิมฉลองเป็น วันจันทร์แทน และยังถือเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อให้ประชาชนได้เพลิดเพลินกับความสวยงานของทะลไปกับครอบครัว และเพื่อนฝูงไปพร้อม ๆ กัน หลายพื้นที่จึงมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ฉัน kabocha sushi delivery ซาซิมิ ปลาดิบ ใน ญี่ปุ่น

กิจกรรมในวันขอบคุณท้องทะเล

วันทะเล ถือเป็นวันหยุดแรกในช่วงฤดูร้อน หลาย ๆ แห่งจึงมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทะเลขึ้นในช่วงนี้ ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่น ผู้คนจึงมักหลั่งไหลไปเที่ยวชายหาดกันเพื่อพักผ่อน บางคนไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสาธารณะ และหน่วยงานราชการในท้องถิ่นที่มีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองกันขึ้นในวันนั้น

              อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมไม่แพ้กัน คือ การจุดโคมที่ชายทะเล ในโอไดบะ โตเกียว โดยโคมไฟจะจุดขึ้นที่หน้าชายหาดเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่าง คนญี่ปุ่น กับท้องทะเล ภายใต้ชื่องานว่า “Umi no Akari Matsuri (海の灯まつり)” บริเวณหน้า Odaiba Beach Front Park ของทุก ๆ ปี รวมถึงมีการจัดแสดงบริเวณสะพานสายรุ้ง และมีการนำเรือยาวแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “ยากะตะบุเนะ” มาจัดแสดง พร้อม ๆ กับซุ้มอาหารนานาชนิด

             ส่วนทางท่าเรือโยโกฮาม่า มีการจัดแสดงดอกไม้ไฟในตอนกลางคืน เพราะเป็นสถานที่ที่ จักรพรรดิเมจิ ได้สิ้นสุดการเดินทาง ภายในงานจึงคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาชมความตระการตาของ ดอกไม้ไฟ และ ขบวนพาเหรด มีแต่ความสนุกสนานและเป็นสีสันให้กับงานเฉลิมฉลองในวันนี้

             สำหรับ Kabocha Sushi เองยังต้องขอบคุณท้องทะเลของ ญี่ปุ่น ที่ทำให้เราได้วัตถุดิบดีๆ อย่างปลามากุโระ ปลาทูน่า และสัตว์ทะเลชนิดอื่น ๆ มาปรุงเป็นอาหารหลากหลายเมนูให้คนรักซูซิ ซาซิมิ และ อาหารญี่ปุ่น ได้ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เพราะเรามุ่งมั่นที่จะให้ทุกคนได้ทานของดี สด อร่อย จากแหล่งวัตถุดิบเท่านั้น เพื่อให้อาหารมีรสชาติที่ใกล้เคียงต้นตำรับมากที่สุด ถ้าใครคิดถึง อาหารญี่ปุ่นอร่อย ๆ ราคาสุดคุ้ม ต้องอย่าลืมนึกถึง “ร้านอาหารญี่ปุ่น Kabocha Sushi” กันนะคะ