“วาราบิโมจิ” ขนมญี่ปุ่น โมจิที่ไม่ใช่โมจิ?

            ขนมหวานญี่ปุ่น ขึ้นชื่อในเรื่องความหอมอร่อยและรสชาติความหวาน ที่ช่วยเพิ่มพลังในวันที่อากาศร้อน นั่นคือ ขนมญี่ปุ่น “วาราบิโมจิ” (わらび餅 Warabi Mochi) ขนมญี่ปุ่นที่มีเนื้อเนียนนุ่มหนึบ คล้ายกับเยลลี่ คลุกกับผงคินาโกะ ผงถั่วเหลืองคั่ว แล้วราดด้วยน้ำเชื่อมคุโระมิตซึ Kuromitsu ที่ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม  รสชาติของขนมญี่ปุ่น “วาราบิโมจิ” แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นขนมสูตรดั้งเดิม ที่ ชาวญี่ปุ่น นิยมรับประทานมาอย่างช้านานแล้ว แต่จริงๆ แล้ว “วาราบิโมจิ” ไม่ใช่โมจิถึงจะมีชื่อว่า โมจิก็ตาม เพราะไม่ได้ทำจากแป้งที่ทำจากข้าว แต่ทำมาจากแป้งของต้นวาราบิต่างหาก วันนี้ kabocha sushi (คาโบฉะ ซูชิ) จะพาไปรู้จักกับต้นวาราบิ ส่วนผสมสำคัญในการทำ ขนมญี่ปุ่น “วาราบิโมจิ” แสนอร่อยกันค่ะ   

                                                                                                                                                  Photo Credit: takao599museum

วาราบิโมจิของแท้! ต้องทำจากจากแป้งที่สกัดมาจากรากของต้นวาราบิ (わらび粉) 

     ต้นวาราบินั้น จะเป็นพืชตระกูลเฟิร์น ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pteridium Aquilinum  หนึ่งในผักป่าประจำฤดูใบไม้ผลิขอ งญี่ปุ่น มีรูปร่างใบอ่อนเป็นเอกลักษณ์เหมือนกำปั้นเด็กทารกหรือลูกกุญแจ ต้นวาราบิจะเติบโตในเนินป่า ป่าดงดิบ หรือทุ่งหญ้าที่มีแดดส่องถึง  ใบอ่อนจะนิยมมาปรุงอาหารรับประทาน และรากเหง้านำมาทำเป็น แป้งขนมญี่ปุ่น “วาราบิโมจิ” โดยถ้าใช้รากเหง้าของต้นวาราบิ 10 กิโลกรัม ก็จะได้แป้งออกมาแค่ 70 กรัม และจะขุดเหง้าได้เตอนหน้าหนาวเท่านั้น ส่วนวิธีการก็คือขุดเหง้าของต้นวาราบิที่อยู่ใต้ดิน เอามาทุบ แล้วนำเอามาคลี่ออก หลังจากนั้นก็ล้างน้ำรีดให้ได้แป้งออกมาแล้วก็ทำการผึ่งทำให้แห้ง ถึงจะได้แป้งวาราบิ ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่หายากและแพงมากเลยทีเดียว

                                                                                                                                                           Photo Credit: medium.com

วาราบิโมจิของแท้ ขนมญี่ปุ่น ของคนมีเงิน 

     ตั้งแต่ยุคเฮอัน แป้งวาราบินั้นถือว่าเป็นของหายากและมีราคาแพง จึงเชื่อว่า “วาราบิโมจิ” (わらび餅 Warabi Mochi) เป็นขนมญี่ปุ่น ที่คนระดับสูงนิยมรับประทานกัน  ในประวัติศาสตร์ได้เขียนไว้ว่า ขนมวาราบิโมจินั้นเป็นของโปรดจักรพรรดิไดโงะ (醍醐天皇) เลยทีเดียว แต่ทว่าหน้าตาของขนมวาราบิโมจิ สมัยนั้นกับสมัยปัจจุบันจะไม่เหมือนกัน ซึ่งตั้งแต่ยุคคามาคุระ ญี่ปุ่น ได้อิทธิพลจากวัฒนธรรมการกินติ่มซำที่มาจากเมืองจีนพร้อมกับพุทธศาสนานิกายเซนและพิธีชงชา วาราบิโมจิ ขนมญี่ปุ่น จึงกลายเป็นขนมกินกับน้ำชาไป ซึ่งหน้าตาก็จะเป็นชิ้นๆ พอดีคำแทน 

                ขนมวาราบิโมจิ เป็นขนมที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยก่อนในภูมิภาคคันไซ เพราะว่าแหล่งผลิตแป้งวาราบิก็คือจังหวัดนารา พอเข้ายุคเอโดะ แป้งวาราบิทั้งหายากและแพงมากยิ่งขึ้น ตอนหลัง คนญี่ปุ่น จึงใช้ แป้งที่คนไทยเรียกกันว่า “แป้งท้าวยายม่อม” (葛粉) มาใช้แทน พอมาปัจจุบันนี้ เริ่มกลายมาเป็นใส่แป้งมันสำปะหลังแทนซะแล้ว

แจกสูตรทำขนม วาราบิโมจิ ขนมญี่ปุ่น

 ส่วนผสม วาราบิโมจิ

• แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม (แทนแป้งวาราบิ) 
• ผงวุ้น 1/4 ช้อนชา 
• น้ำตาลทราย 50 กรัม 
• น้ำเปล่า 400 กรัม 
• ถั่วคินาโกะป่น 80 กรัม 

ซอสคุโระมิตซึ Kuromitsu

• น้ำตาลทรายแดง 160 กรัม
• น้ำเปล่า 200 กรัม 

วิธีทำ วาราบิโมจิ

     นำแป้งมันสำปะหลัง น้ำตาลทราย ผงวุ้น และน้ำเปล่าใส่ลงไปในกระทะ พร้อมทั้งคนให้เข้ากันก่อน จนแป้งไม่เป็นเม็ด จากนั้นนำขึ้นตั้งเตา เปิดไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนแป้งเป็นเนื้อใส จากนั้นนำไปใส่ในกล่องพลาสติกขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า นำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัว ระหว่างรอแป้ง ให้มาทำซอสคุโรมิสึ โดยนำน้ำตาลทรายแดง ตามด้วยน้ำเปล่า

จากนั้นนำไปตั้งไฟอ่อน เคี่ยวไปประมาณ 10 นาที จนซอสเริ่มข้นหนืดขึ้น นำไปพักให้ซอสเย็นลง หลังจากนั้นนำแป้งวาราบิที่แช่ไว้ในตู้เย็น ออกมาแช่ด้วยน้ำเย็นเพื่อให้หลุดจากพิมได้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม และนำไปแช่ในน้ำเย็นจัด และนำวาราบิที่ตัดไว้ ไปคลุกผงถั่วคินาโกะป่นให้ทั่ว เสิร์ฟพร้อมซอสคุโรมิสึ เป็นอันเรียบร้อย

             แต่ถ้าใครอยากลิ้มลองขนมญี่ปุ่น “วาราบิโมจิ” รสชาติแบบ ญี่ปุ่น เป๊ะๆ อร่อยหอมนุ่มหนึบ พร้อมอร่อยกับ อาหารญี่ปุ่น หลากหลายเมนู มาที่ kabocha sushi (คาโบฉะ ซูชิ) ได้นะคะ เพราะที่นี่นำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่น และรสชาติ แบบญี่ปุ่นแท้ๆ แบบเหมือนไปทานที่ ญี่ปุ่น กันเลย 

พร้อมเสิร์ฟเมนูสดใหม่ของวัตถุดิบล้ำค่า แล้วที่ Kabocha ทุกสาขา 

อิ่มอร่อยได้ที่ร้าน เช็คสาขาใกล้คุณ คลิกที่นี่

หรือสั่งความอร่อยส่งถึงบ้านได้ที่ Kabocha delivery คลิกที่นี่

พร้อมอัพเดทโปรโมชั่นพิเศษทุกเดือน คลิกที่นี่