ว่าด้วยเรื่อง “จิราชิซูชิ” (ちらし寿司 ซูชิ หั่นเต๋า อาหารญี่ปุ่นมงคล
"จิราชิซูชิ" เป็น ซูชิ ที่ไม่เหมือนกับซูชิ ที่เราคุณเคยกันที่กำเนิดขึ้นตอนยุคข้าวยากหมากแพง มีลักษณะคล้ายข้าวหน้าปลาดิบ เพราะเป็น ซูชิที่นำวัตถุดิบ มาวางโปะไว้บนหน้าข้าว ซึ่งมีหน้าตาของ จิราชิซูชิ นั้นมีหลายรูปแบบแถมยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคด้วย แล้วทำไมจิราชิซูชิ ถึงเป็น ซูชิ กันล่ะ Kabocha sushi จะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเองจ้า
ความเป็นมาของ จิราชิซูชิ
จิราชิซูชิ เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยเมจิ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเอโดะมาเอะนิกิริ เป็นข้าวปั้นหน้าปลาดิบเป็นคำใหญ่ ๆ ในสมัยเอโดะ ซูชิไม่ได้ถูกวางในจานแบบนี้ แต่ถูกวางในกล่องไม่ แล้วค่อยมาเริ่มเปลี่ยนมาวางบนภาชนะทีหลัง ทั้งยังมีการพัฒนารูปแบบของซูซิขึ้นมาใหม่ตามแต่ละภูมิภาค โดยใช้วิธีการผสมน้ำส้มสายชูไปในข้าวแล้วโปะวัตถุดิบต่าง ๆ บนข้าวจึงเกิดเป็น ซูชิที่มีชื่อว่า “นามะจิราชิ” "โกะเมะซูชิ" "บาระจิซูชิ" หรือ "คายาคุซูชิ"
ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อกันว่า บาระจิซูชิ เป็น ซูชิ ที่เกิดขึ้นในแถบจังหวัดโอคายามะตั้งแต่สมัยเอโดะ จาการที่ขุนนางชั้นสูงชื่อว่า มิซึมาสะ อิเคดะ ได้ออกคำสั่งไม่ใช้ชาวบ้านกินอาหารฟุ่มเฟือย ส่วนช่วงเทศกาลก็ให้ทำอาหารเฉพาะแค่อิชิจูเท่านั้น อย่างที่เราทราบกันว่า อาหารญี่ปุ่น ในแต่ละมื้อจะอลังการมีเครื่องเคียงหลายอย่าง แต่ด้วยกฏหมายที่ออกมานี้ชาวบ้านต่างพากันขานรับนโยบายนี้แล้วเปลี่ยนมาเป็นข้าวหนึ่งถ้วยที่มีเนื้อปลาและผักอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย
จิราชิซูชิ ของแต่ละภูมิภาคต่างกันอย่างไร?
1. ภูมิภาคคันไซ
จิราชิซูชิ ในแถบนี้จะเป็นข้าวผสมกับน้ำส้มสายชู แล้วราดด้วยไข่ สาหร่าย รวมถึงวัตถุดิบหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น เต้าหู้ และกุ้ง จุดเด่น คือ จะไม่ใช้ปลาดิบแต่จะใช้ส่วนผสมที่สุกแล้ว เสิร์ฟในชามขนาดใหญ่
2. ภูมิภาคคันโต
จิราชิซูชิ ของภูมิภาคนี้จะใช้วัตถุดิบในทางตรงกันข้าม เช่น ปลาดิบ วางบนข้าวที่ผสมกับน้ำส้มสายชู ซึ่งคล้ายกับ "นิกิริซูชิ" ซูชิที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ ซูชิในปัจจุบัน แต่มีขนาดใหญ่กว่า และเก่าแก่กว่า
จิราชิซูชิ อาหารมงคลของญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่น มักจะกินซูชิ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง เพราะเมื่อกินแล้วจะรู้สึกความสุข แถมหน้าตาของ จิราชิซูชิ ยังสวยงาม เหมาะกับใช้เป็นอาหารมงคลในเทศกาลฮินะมัตสึริ หรือเทศกาลตุ๊กตา ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม ของทุกปี เพื่ออวยพรให้เด็กผู้หญิงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง!
ไม่ใช่แค่หน้าตาของอาหารที่ดีอย่างเดียวนะ แต่วัตถุดิบที่นำมาประกอบเป็นอาหารล้วนมีความหมายที่เป็นมงคลทั้งนั้น เช่น
- "กุ้ง" มีความหมายว่าอายุยืนยาวจนหลังค่อม
- "รากบัว" ที่มีลักษณะเป็นรู ๆ เพื่อให้คุณมองการณ์ไกล
- “ไข่” เนื้อไข่แดงและเนื้อขาว ซึ่งแสดงถึงทรัพย์สมบัคิอย่างทองคำและเงิน
- “ถั่ว” แสดงถึงการทำงานอย่างขยันขันแข็ง และใช้ชีวิตอย่างแข็งแรง
ประเภทของจิราชิซูชิ
อย่างเกริ่นไว้ข้างต้นว่า จิราชิซูชิมีชื่อที่แตกต่างกัน วัตถุดิบที่ใช้ก็ต่างกันตามแต่ละท้องที่ ซึ่งกลายเป็นเมนูเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นไปแล้ว
- โอคายามะ เป็นซูชิที่ทำจาก ข้าวราดน้ำส้มสายชู โดยมีส่วนผสมโปะหน้ามากมาย เช่น กั้ง ปลาไหล และปลาแมคเคอเรลสเปน ส่วนชื่อจะเรียกกันว่า บาราซูชิ หรือ บิเซ็น บาราซูชิ หรือ โอคายามะ บาราซูชิ เป็นต้น
- ฮิโรชิมา จะเรียว่า ข้าวโมบุริ หรือ ข้าวโมกุริ หรือ ข้าวโมบุริ เพราะมาจากคำว่า "โมบุรุ” ในภาษาฮิโรชิม่า แปลว่า “ผสม" ดังนั้น ส่วนผสมของเมนูนี้จะใช้ปลาไหลทั้งหวานและเผ็ด แครอท ถั่วดำ และอื่น ๆ ราดบนข้าว
- ภูมิภาคฮิบะ จังหวัดฮิโรชิม่า เรียกว่าซูซิหอย เพราะมีการใช้ไข่มาปรุงรสให้หวาน แล้วใส่ข้าวผสมน้ำส้มสายชูเข้าไป จากนั้นจัดวางแล้วพับให้เป็นรูปหอย ปิดท้ายด้วยการตกแต่งทำลวดลาย
นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกเพียบเลย เพราะความที่ชาวบ้านต้องหาวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่มาเป็นเป็นอาหาร เราจึงมีจิราชิซูชิ ที่หน้าตาไม่เหมือนกันค่ะ อ่านถึงตรงนี้คง อยากกินซูชิ กันแล้วใช่ไหม ต้องมาที่นี้เลยค่ะ ร้านอาหารญี่ปุ่น คาโบฉะ ซูชิ Kabocha sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีเมนูให้เลือกเยอะมาก เพราะทางร้านขนทัพวัตถุดิบสด ๆ แบบจัดเต็มส่งตรงจากแดนปลาดิบแบบวันต่อวัน เพื่อให้คุณได้ ทานอาหารญี่ปุ่นที่อร่อย สด ใหม่ และมีคุณภาพดีที่สุด ในบรรยากาศและรสชาติที่ไท่ต่างจาก ญี่ปุ่นต้นตำรับเลย แม้แต่เมนูที่มีตามฤดูกาลของ ญี่ปุ่น ที่นี่ก็มีน้า มาสัมผัสความเป็น ญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ที่ คาโบฉะ ซูชิ ทุกสาขา ในกรุงเทพ กันเถอะ!