Kabocha พาย้อนอดีต คนญี่ปุ่น ไม่ได้กินข้าวเป็นอาหารหลัก

     การกินข้าวของ คนญี่ปุ่น มีมาตั้งแต่สมัยอดีต มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งบอกว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยต้นข้าว สังเกตได้จากของทานเล่นและเหล้าสาเกที่ล้วนทำมาจากข้าวทั้งสิ้น กว่าจะมาเป็นข้าวญี่ปุ่นที่แสนอร่อยจะเป็นอย่างไร ต้องผ่านกระบวนการคิดค้นมากแค่ไหนจนกลายมาเป็นเมนูอาหารมากมาย และได้มาเป็นอาหารหลักที่ทุกบ้านต้องกิน ตาม Kabocha Sushi มาย้อนอดีตตามที่มาของ ข้าวญี่ปุ่น และ อาหารญี่ปุ่น กันเลย

 

ยุคก่อนประวัติศาสตร์: ช่วงสมัยโจมง – สมัยยาโยอิ

     ย้อนไปช่วงประมาณ 14,000-300 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคโจมง คนญี่ปุ่นเริ่มมีการทำเกษตรเกิดขึ้นมีการทำไร่แต่ยังไม่มีการทำนาน พอมาช่วงสมัยโจมงตอนปลายข้าวเริ่มนำเข้ามาครั้งแรกจากกลุ่มคนจีน จากนั้นจึงเริ่มมีการทำนาขึ้นแต่ยังไม่แพร่หลาย  ทำให้อาหารในยุคแรก ๆ ของ ญี่ปุ่น นั้นมีเพียงพวกลูกโอ๊ค วอลนัท เกาลัด โดยนำมาบดทำเป็นแผ่นแป้งคล้ายขนมปังกินกัน 

พอมาถึง ยุคยาโยอิ การทำนาเริ่มแพร่จากฝั่งตกวันตกไปสู่ตะวันออก และเริ่มรู้จักกระบวนการหุงข้าวให้สุกด้วยวิธีการนึ่ง ในยุคนี้ไม่มีการบริโภคเนื้อสัตว์เนื่องจากมีกฎห้ามกินเนื้อสัตว์บางชนิด แต่เกิดวิธีการถนอมอาหารด้วยการหมักดองแบบ “ชูชิ” โดยมีข้าวกับเนื้อปลาขึ้นมาทั้งยังมีการเก็บภาษีที่นาเป็นเมล็ดข้าวด้วย

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ฉัน kabocha sushi delivery ภาพ ข้าวญี่ปุ่น

 

ยุคโบราณ: ช่วงสมัยนารา – สมัยเฮอัน

     ช่วงสมัยนารามีการย้ายเมืองหลวงไปสู่ "เฮโจเคียว" (นาราในปัจจุบัน) และ จากเมืองนาราไปที่ "เฮอันเคียว"  (เกียวโตในปัจุบัน) คนญี่ปุ่น ได้รู้จักวิธีการเปลี่ยนข้าวเปลือกให้เป็นข้าวขาวด้วยวิธีการสีข้าว ซึ่งข้าวขาวเหล่านี้ได้กลายเป็นอาหารของคนชั้นสูง ส่วนข้าวที่สีได้คุณภาพต่ำ หรือที่เรียกว่า “ข้าวดำ” มักจะกินกันในหมู่ของชาวบ้าน ในยุคนี้จึงเกิดคนรวยกับคนจนอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้นในแต่ละมื้อของคนชนสูง ต่างเต็มไปด้วยเครื่องเคียงมากมายในขณะที่ชาวบ้านมีเพียงกับข้าวหนึ่งจานและซุปหนึ่งถ้วยทานคู่กับข้าวหรืออาหารหมักดองเท่านั้น 

ในสมัยเฮฮันมีการย้ายเมืองหลวงอีกครั้งจาก เมืองนารา ไปที่ "เฮอันเคียว" (เกียวโตในปัจุบัน) เป็นยุคที่มีการนำหม้อดินมาใช้ในการหุงข้าวอย่างแพร่หลายจนกลายมาเป็นของที่คนทุกบ้านต้องมี และมีการสันนิษฐานว่าข้าวปั้นมีต้นกำเนิดขึ้นในยุคนี้

 

ร้านอาหารญี่ปุ่น kabocha sushi delivery ภาพ ข้าวญี่ปุ่น

 

ยุคกลาง: ช่วงสมัยคามาคุระ - มุโรมาจิ - เอโดะ

     มาถึงสมัยคามาคุระ คนญี่ปุ่น เริ่มรู้จักการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น ส่วนอาหารการกินในยุคนี้จะมีใช้แนวคิดการกินแบบ พวกนักรบ คือ มีการกินที่เรียบง่าย และไม่มีการดื่มเหล้า ทั้งยังมีวัฒนธรรมกินข้าวใส่น้ำร้อนที่เรียกว่า “ข้าวราดน้ำร้อน” (ยุซึเกะ) ในขณะที่ สมัยมุโรมาจิ ชนชั้นสูงกลับมีการทานอาหารที่หรูหรา และได้เกิดรูปแบบ การจัดอาหารพิธีการที่เรียกว่า “ฮนเซ็นเรียวจิ” เพื่อต้อนรับโชกุน ต่อมาในสมัยของ เซ็งโงคุ อาหารพิธีการได้ถูกเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นอาหารใน พิธีชงชาที่เรียกว่า “ไคเซกิเรียวริ” แทน

การกินน้ำชาแพร่หลายมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการกินข้าวใส่น้ำชาแทน โดยที่ คนเอโดะ มักจะหุงข้าวแค่วันละครั้งในตอนเช้า พอตกค่ำจะนำกาน้ำชาไปตั้งไฟจนร้อน แล้วค่อยเอาน้ำชามาราดข้าวกิน เรียกว่า “ข้าวราดน้ำชา” (โอจะซึเกะ) ส่วนคนแถบคามิกาตะ ได้แก่ เกียวโต โอซาก้า และโกเบ กลับหุงข้าวตอนกลางวันแล้วเก็บข้าวไว้กินเช้าวันรุ่งขึ้น โดยใช้น้ำชาราดเช่นกัน ส่วนการหุงข้าวมีการพัฒนารูปแบบขึ้นอีกครั้ง โดยชาวบ้าน จะนำฝาหนามาปิดขณะหุงข้าวทำให้ ข้าวนิ่ม และ อร่อยมากขึ้น ทั้งยังเริ่มมีการพัฒนารูปแบบอาหารที่หลากหลาย เกิดเทคนิค การปรุงอาหารรูปแบบใหม่ขึ้น เช่น อาหารประเภทเส้นอย่างโซบะและอุด้ง รวมถึงอาหารทอดอย่างเท็มปุระ และวิธีหุงข้าวแบบใหม่ที่เรียกว่า “วิธีหุงข้าวแบบรอน้ำแห้ง” เกิดร้านอาหารและตำราอาหารมากมาย อีกทั้งยังเกิด “มากุ โนะ อูจิ” ข้าวกล่องที่ขายภายในโรงละครคาบูกิขึ้นด้วย พอมากลางยุคสมัยเอโดะ 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่น kabocha sushi delivery มี ข้าวญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น
 

ยุคใหม่: ช่วงสมัยเมจิ – โซวะ - เฮเซ (ปัจุบัน)

     ในยุคสมัยเมจิ เริ่มมีวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามา มีการเปิดรับอาหารตะวันตก อาหารจีน และอาหารเกาหลี ทำให้เมนูอาหารใหม่เกิดขึ้น เช่น ราเม็ง เกี๊ยวซ่า เนื้อย่าง เป็นต้น ทั้งยังมีการยกเลิกการเก็บภาษีเมล็ดข้าวแต่เปลี่ยนมาเก็บเป็นเงินแทน ทำให้ชาวบ้านสามารถกินข้าวเป็นอาหารหลักได้ อีกทั้งยังมีการวิจัยเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างจริงจังขึ้น 

พอมาถึงสมัยโชวะ เป็นช่วงที่ ญี่ปุ่น ได้พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้วัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น เปลี่ยนไปจากเดิมที่กินข้าวถูกแทนที่ด้วยขนมปัง และเนื้อสัตว์มากขึ้น อาหารแปรรูปจึงเริ่มเกิดขึ้น เช่น ไส้กรอก รวมถึงมีอาหารปรุงสำเร็จที่เรียกว่า “นากาโซกุ” หรือข้าวกล่อง และยังมีอาหารใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีข้าวเป็นส่วนประกอบอย่างข้าวแกงกะหรี่ขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามการศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธ์ุข้าวยังมีมาอย่างต่อเนื่องจนได้พันธุ์ข้าวใหม่ ๆ มากมาย และพันธุ์ข้าวที่โด่งดังที่สุดคือ “โคชิฮิคาริ” เมื่อข้าวมีความอร่อยมากขึ้น และไม่ต้องเสียภาษีเมล็ดข้าวอีกต่อไป ตลอดจน อาหารญี่ปุ่น มีความหลากหลาย ทำให้ คนญี่ปุ่น นิยมทานข้าวเป็นอาหารหลักกันภายในครอบครัว 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่น คาโบฉะ ซูชิ เดลิเวอรี่ คนญี่ปุ่น กิน ข้าวญี่ปุ่น

 

             ติดตามอ่านเรื่องข้าวกันแล้วคงหิวกันแล้วใช่ไหม มาลองชิมข้าวสายพันธุ์ญี่ดั้งเดิมได้ที่ Kabucha Shushi ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ให้มากกว่าความอร่อย เพราะเราใส่ความตั้งใจอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ทุกคนได้กินอาหารญีุ่่นรสชาติต้นตำรับแท้ ๆ สำหรับเมนูที่ทำจากข้าวที่อยากแนะนำ คือ ซูซิ คำโต ๆ และดงบุริ ข้าวหน้าต่าง ๆ ที่ทำให้คุณอิ่มนานหลายชั่วโมง แต่เราไม่ได้มีแค่เมนูข้าว แต่ยังมีอีกหลายเมนูเหมือนยกทั้ง ญี่ปุ่น มาไว้ที่ร้านเลยก็ว่าได้ ลองมาพิสูจน์ความอร่อยด้วยตนเองได้ที่ร้าน Kabucha Shushi หรือจะ สั่งผ่านทาง Delivery ก็ได้นะ